บทนำ
คลอโรฟิลล์เป็นรงควัตถุหรือสารสี (pigment) ที่มีสีเขียวอยู่ในคลอโรพลาสต์
(chloroplast) มีความสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช
เพื่อสร้างเป็นน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานในเซลล์ของพืช
คลอโรฟิลล์มีโครงสร้างเป็นวงโพรไพริน (prophyrin) ประกอบด้วยวงแหวนไพร์โรล (pyrrole) 4 วง เรียงติดกัน
มี Mg+2 อยู่ตรงกลาง
คลอโรฟิลล์ที่พบในพืชมี 2 ชนิด คือ คลอโรฟิลล์ เอ (chlorophyll
A) และ คลอโรฟิลล์ บี (chlorophyll B) ในอัตราส่วน
3:1 คลอโรฟิลล์ทั้งสองชนิดมีโครงสร้างเหมือนกัน
แตกต่างกันที่หมู่ในบางตำแหน่งของโครงสร้างโมเลกุล
คลอโรฟิลล์ไม่คงตัวต่อความร้อน
เมื่อได้รับความร้อนจะเปลี่ยนเป็นฟีโอไฟติน (pheophytin) ทำให้สีเขียวเปลี่ยนเป็นสีเขียวน้ำตาล
anthocyanin / แอนโทไซยานิน
แอนโทไซยานิน เป็นรงควัตถุหรือสารสี (pigment) ที่ให้สีแดง ม่วง
และน้ำเงิน ใช้เป็นสารให้สี (coloring agent) ธรรมชาติในอาหาร
สารสกัดแอนโทไซยานิน มีสมบัติเป็นโภชนะเภสัช (nutraceutical) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant)
ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมอง
ด้วยการยับยั้งไม่ให้เลือดจับตัวเป็นก้อน ชะลอความเสื่อมของดวงตา
ช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรค (pathogen) อีโคไล (Escherichia coli)
ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงและอาหารเป็นพิษด้วย
อาหารที่เป็นแหล่งสำคัญของแอนโทไซยานิน
ได้แก่
- ผลไม้ เช่น องุ่น ทับทิม และผลไม้ในกลุ่มเบอร์รี่
เช่น สตรอเบอรี่ (strawberry) ผลหม่อน (mulberry)
บลูเบอรี่ (blueberry) แครนเบอรี่
(cranberry) เชอรี่ (cherry) ราสเบอรี่ (raspberry) เป็นต้น
- ผัก เช่น กะหล่ำปลีสีม่วง
(red cabbage) และเรดิชสีแดง (red radish)
- เมล็ดธัญพืช เช่น ข้าวก่ำ
หรือข้าวสีนิล ข้าวโพดสีม่วง
- พืชหัว ได้แก่ มันเทศสีม่วง
- ดอกไม้ เช่น กระเจี๊ยบแดง และดอกอัญชัน เป็นต้น
- แหล่งของแอนโทไซยานิน ได้แก่ มันเทศสีม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว ชมพู่แดง ลูกหว้า ข้าวแดง ข้าวนิล ข้าวเหนียวดำ ถั่วแดง ถั่วดำ หอมแดง ดอกอัญชัน น้ำว่าน-กาบหอย
เผือก หอมหัวใหญ่สีม่วง มะเขือม่วง พริกแดง
องุ่นแดง-ม่วง แอปเปิลแดง ลูกไหน ลูกพรุน ลูกเกด
ลูกหม่อน (มัลเบอรี่) บลูเบอรี่ เชอรี่ แบล็กเบอรี่ ราสเบอรี่ สตรอเบอรี่
โมเลกุลของแอนโทไซยานิน
แอนโทไซยานิน (anthocyanins) จัดอยู่ในกลุ่มสารประกอบฟีนอล
(phenolic compounds) กลุ่มพอลิฟีนอล (polyphenol)
สีของแอนโทไซยานิน
แอนโทไซยานิน
เป็นสารสีที่พบได้ทั่วไปในดอกไม้ ผลไม้บางชนิด
ใบหรือลำต้นของพืชบางชนิดที่มีสีตั้งแต่สีแดงถึงน้ำเงินเข้ม ในสภาพที่เป็นกรดมีค่า pH ต่ำกว่า 3 (เป็นกรดสูง) จะทำให้แอนโทไซยานินมีสีแดง ในสภาพที่ค่อนข้างเป็นกลาง
หรือมีค่า pH ประมาณ 7-8 แอนโทไซยานินจะมีสีม่วง
และเมื่อสภาพเป็นเบสหรือมีค่า pH มากกว่า 11 (เป็นเบสสูง) แอนโทไซยานินจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาปฏิกิริยาของความร้อนและ pH ต่อเม็ดสีคลอโรฟิลล์
และแอนโทไซยานิน
ตัวอย่างอาหาร ถั่วลันเตา และน้ำสตรอเบอร์รี่
อุปกรณ์และสารเคมี
น้ำส้มสายชู
1 N NaOH
NaHCO3
วิธีการทดลอง : Chlorophyll
1.
ต้มน้ำกลั่น 150
ml. ให้เดือดจากนั้นใส่ผัก 15 กรัมลงไปต้มนาน 7 นาที แยกผักออกจากน้ำใส่บีกเกอร์
2.
เติมน้ำส้ม 10 ml ใส่ในบีกเกอร์น้ำกลั่น 150 ml แล้วต้มให้เดือดจากนั้นนำผักใส่ลงไปต้มนาน
7 นาที แยกผักออกน้ำใส่บีกเกอร์
3.
เติม 2g NaHCO3 ลงในน้ำกลั่น 150 ml ต้มในน้ำกลั่น 150 ml จากนั้นนำผักใส่ลงไปต้มนาน 7
นาทีและแยกผักออกจากน้ำใส่บีกเกอร์
4.
เติม 10 ml N NaOH ลงในน้ำกลั่น 150 ml ต้มให้เดือดจากนั้นใส่ผักลงไปต้มนาน 7 นาที แยกผักออกจากน้ำใส่บีกเกอร์
5.
สังเกตผลการทดลองและบันทึกผล
ตารางบันทึกผลการทดลอง
Beaker no.
|
pH
|
Color & Texture
|
1
|
7.00
|
เนื้อนุ่ม สีเปลี่ยน
|
2
|
3.02
|
เนื้อนุ่มเหี่ยว สีซีดจางลง
|
3
|
8.06
|
เนื้อสัมผัสเละ สีสดสวย
|
4
|
11.93
|
เนื้อสัมผัสเละแต่น้อยกว่าบีกเกอร์ 3 สีสดสวย
|
5
|
6.5
|
เนื้อสัมผัสแน่น สีสด
|
สรุปผลและวิจารณ์ผลการทดลอง
จากการทดลองต้มถั่วลันเตาในสภาวะ pH ที่ต่างกันจะทำให้ลักษณะทางเนื้อสัมผัสและสีเปลี่ยนแปลงไปตามทฤษฎี
คือเมื่อ pH สูงหรือเป็นด่าง
จะทำให้สีของถั่วลันเตายิ่งสวยแต่ถ้าเป็นอ่อนเนื้อสัมผัสจะเละ
แต่ถ้าต้มในสภาวะที่เป็นกรดสีก็จะไม่สวย สีซีดลง
การเติมด่างเพื่อลดกรดในผักจะทำให้สีของผักสวยขึ้น
วิธีการทดลอง : Anthocyanins
1.
บีกเกอร์ที่
1 ใส่ Strawberry juice 25 ml ลงในบีกเกอร์ วัดค่า
pH
2.
บีกเกอร์ที่2 ใส่ Strawberry juice 25 ml ลงในบีกเกอร์ ปรับ pH
เป็น 5
3.
บีกเกอร์ที่3 ใส่ Strawberry juice 25 ml ลงในบีกเกอร์ ปรับ pH
เป็น 7
4.
บีกเกอร์ที่4 ใส่ Strawberry juice 25 ml ลงในบีกเกอร์ ปรับ pH
เป็น 10
5.
สังเกตสีและบันทึกผลการทดลอง
ตารางบันทึกผลการทดลอง
Beaker no.
|
pH
|
Color
|
1
|
3.35
|
สีโอรสปนแดง
|
2
|
5.29
|
สีจางลง
|
3
|
7.45
|
สีม่วงอ่อนๆ
|
4
|
10.20
|
สีม่วงเข้ม
|
สรุปผลและวิจารณ์ผลการทดลอง
จากการทดลอง สีของแอนโทไซยานิน
เปลี่ยนแปลงไปตาม pH ที่ต่างกัน
ซึ่งถ้าเป็นกรดจะไปทางสีแดง แต่ถ้าเป็นเบสสีจะเปลี่ยนไปทางสีม่วงน้ำเงิน ดังนั้น
สีของแอนโทไซยานิน สามารถบอกค่า pH ของน้ำได้
อ้างอิง : http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/1341/chlorophyll-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B9%8C
http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/1103/anthocyanin-%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%99
อ้างอิง : http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/1341/chlorophyll-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B9%8C
http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/1103/anthocyanin-%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%99
หนังสือ FTH312 เคมีอาหาร 2 (Food
Chmistry II) คณะเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยรังสิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น